ขั้นตอนการทำ CPM
1. เขียนเครือข่ายแสดงความสัมพันธ์ของงาน
2. คำนวณเวลาในการทำกิจกรรม ซึ่งประกอบด้วย
a. เวลาที่เร็วที่สุดที่เริ่มต้นกิจกรรมได้
b. เวลาที่เร็วที่สุดที่กิจกรรมจะเสร็จ
c. เวลาที่ช้าที่สุดที่จะเริ่มต้นงานโดยไม่กระทบกระเทือนเวลาเสร็จสิ้นโครงการ
d. คำนวณเวลาที่ช้าที่สุดที่จะเสร็จงานโดยไม่กระทบกระเทือนเวลาเสร็จสิ้นโครงการ
3. หางานวิกฤติ ซึ่งหมายถึง งานที่ต้องเริ่มทำและทำให้เสร็จโดยเร็วที่สุดตามที่กำหนดไว้ ถ้างานนั้นต้องยืดเยื้อไปจากที่กำหนด ก็จะมีผลให้เวลาเสร็จสิ้นโครงการต้องพลอยถูกเลื่อนออกไปด้วย
4. หาสายงานวิกฤติ (Critical Path) หมายถึง สายงานในเครือข่ายที่ประกอบด้วยงานที่ไม่สามารถเลื่อนวันเริ่มดำเนินการออกไปได้ มิฉะนั้น จะส่งผลให้เวลาสิ้นสุดของโครงการล่าช้าออกไป
งานประมูลงานผลิตโต๊ะทำงาน
โรงงานเฟอร์นิเจอร์ไม้แห่งหนึ่ง ต้องการประมูลงานผลิตและติดตั้งโต๊ะทำงานจำนวน 100 ตัว เพื่อใช้ในสำนักงานของบริษัทที่กำลังจะเปิดใหม่แห่งหนึ่ง โดยบริษัทเปิดใหม่นี้ต้องการให้งานเสร็จภายใน 1 เดือน โรงงานเฟอร์นิเจอร์ไม้ต้องการรับงาน แต่ไม่แน่ใจว่างานจะเสร็จตามกำหนดหรือไม่ โรงงานเฟอร์นิเจอร์ไม้จะทำอย่างไร
CPM ช่วยคุณได้
โรงงานเฟอร์นิเจอร์ต้องทำการศึกษารายละเอียดของงาน และประเมินระยะเวลาที่ต้องใช้ในการทำงานแต่ละงาน ตัวอย่างเช่น โต๊ะทำงาน 1 ตัวจะประกอบไปด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนกระดานด้านบนของโต๊ะและส่วนประกอบขาโต๊ะ โดยมีรายละเอียดของกิจกรรมต่างๆ และระยะเวลาที่ใช้ในการทำงานของแต่ละกิจกรรม ดังแสดงในตาราง
เมื่อทำการศึกษารายละเอียดของงาน และประเมินระยะเวลาที่ต้องใช้ในการทำงานแต่ละงานแล้ว นำรายละเอียดของงานมาเขียนเป็นเครือข่ายแสดงความสัมพันธ์ของงาน ซึ่งจะแสดงขั้นตอนของกิจกรรมที่มีผลต่อความสำเร็จของโครงการ เช่น กิจกรรมไหนควรทำก่อน กิจกรรมไหนควรทำหลัง และระบุเวลาที่ใช้ในการดำเนินการกิจกรรมนั้น
วิธีการเขียนเครือข่ายแสดงความสัมพันธ์ของงาน เป็นการเขียนความสัมพันธ์ของกิจกรรมต่างๆ โดยให้จุดหรือวงกลมแทนจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของการทำกิจกรรม ลูกศรแทนกิจกรรม โดยที่หางลูกศรแทนการเริ่มต้นและหัวลูกศรแทนการสิ้นสุดของกิจกรรมนั้น ความยาวของลูกศรไม่ได้สัมพันธ์กับเวลาที่ใช้ในการทำกิจกรรม อักษรที่เขียนกำกับลูกศรจะใช้แทนชื่อหรือรหัสของกิจกรรม และตัวเลขที่เขียนกำกับลูกศรจะแทนเวลาที่ใช้ในกิจกรรมนั้นๆ ส่วนลูกศรที่เป็นเส้นประเป็นตัวเชื่อมแสดงความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมเท่านั้น มิได้มีกิจกรรมใดๆ เกิดขึ้น การควบคุมโครงการโดยทั่วไป มักจะใช้การเขียนเครือข่ายแบบกิจกรรมบนลูกศร เนื่องจากเป็นแบบที่เข้าใจง่าย และแสดงรายละเอียดต่างๆ ที่จำเป็นได้อย่างครบถ้วน
จากตารางนำมาเขียนเครือข่ายแสดงความสัมพันธ์ได้ดังรูป
จากเครือข่ายแสดงความสัมพันธ์ สามารถอธิบายได้ว่า กิจกรรม A เป็นกิจกรรมแรกที่ต้องทำ แต่กิจกรรม B และ C จะสามารถทำได้ก็ต่อเมื่อกิจกรรม A ทำเสร็จสมบูรณ์แล้ว ถ้าสังเกตจากลักษณะโหนด (Node) และลูกศร จะเห็นว่า ลูกศรของกิจกรรม A พุ่งเข้าสู่โหนด 2 แสดงว่า โหนด 2 เป็นจุดที่กิจกรรม A เสร็จ
จากนั้นคำนวณเวลาในการทำกิจกรรมซึ่งประกอบด้วย
1. เวลาที่เร็วที่สุดที่เริ่มต้นกิจกรรมได้ (ES)
2. เวลาที่เร็วที่สุดที่กิจกรรมจะเสร็จ (EF)
3. เวลาที่ช้าที่สุดที่จะเริ่มต้นงานโดยไม่กระทบกระเทือนเวลาเสร็จสิ้นโครงการ (LS)
4. เวลาที่ช้าที่สุดที่จะเสร็จงานโดยไม่กระทบกระเทือนเวลาเสร็จสิ้นโครงการ (LF)
จากตารางคำนวณเวลาในการทำกิจกรรมของ CPM จะเห็นว่า กิจกรรม A เริ่มทำได้ทันที เพราะฉะนั้นเวลาเริ่มต้นที่เร็วที่สุดจึงเป็นวันที่ 0 กิจกรรม A ต้องการเวลาในการทำ 1 วัน ฉะนั้น เวลาเร็วที่สุดที่กิจกรรมจะทำสำเร็จคือวันที่ 1 กิจกรรม B และ C จะเริ่มทำได้ก็ต่อเมื่อกิจกรรม A ทำเสร็จแล้ว เพราะฉะนั้น เวลาเริ่มต้นที่เร็วที่สุดจึงเป็นวันที่ 1 กิจกรรม B ต้องการเวลาในการทำ 3 วัน กิจกรรม C ต้องการเวลาในการทำ 2 วัน ฉะนั้น เวลาเร็วที่สุดที่กิจกรรมจะทำสำเร็จคือวันที่ 4 และ 3 ตามลำดับ กิจกรรม D จะเริ่มทำได้ก็ต่อเมื่อกิจกรรม B และ C ทำเสร็จแล้ว เพราะฉะนั้น เวลาเริ่มต้นที่เร็วที่สุดจึงเป็นวันที่ 4 กิจกรรม D ต้องการเวลาในการทำ 8 วัน ฉะนั้น เวลาเร็วที่สุดที่กิจกรรมจะทำสำเร็จคือวันที่ 12 คำนวณเวลาที่เร็วที่สุดที่เริ่มต้น กิจกรรมได้และเวลาที่เร็วที่สุดที่ทำกิจกรรมเสร็จของทุกกิจกรรม จะได้ผลดังแสดงในตารางคำนวณเวลาการทำกิจกรรมของ CPM
จากนั้น ทำการคำนวณเวลาที่ช้าที่สุดที่จะเสร็จงานและเวลาที่ช้าที่สุดที่จะเริ่มงานโดยไม่กระทบกระเทือนเวลาเสร็จสิ้นโครงการจากกิจกรรมสุดท้ายมากิจกรรมแรก ตัวอย่างเช่น เวลาเร็วที่สุดที่โครงการจะเสร็จสิ้นคือ 26 วัน ฉะนั้น เวลาที่ช้าที่สุดที่กิจกรรมสุดท้ายต้องทำเสร็จโดยไม่กระทบกระเทือนเวลาเสร็จสิ้นโครงการ คือ 26 กิจกรรม I ใช้เวลา 2 วันในการทำงาน ฉะนั้น ต้องเริ่มทำกิจกรรม I ในวันที่ 24 และเนื่องจากกิจกรรม I ต้องเริ่มทำในวันที่ 24 กิจกรรม H ต้องทำเสร็จในวันที่ 24 กิจกรรม H ใช้เวลา 6 วันในการทำงาน ฉะนั้น ต้องเริ่มทำกิจกรรม H ในวันที่ 18 และเนื่องจากกิจกรรม H ต้องเริ่มทำ ในวันที่ 18 กิจกรรม F และ G ต้องทำเสร็จในวันที่ 18 กิจกรรม F และ G ใช้เวลา 2 วันในการทำงาน ฉะนั้น เวลาช้าที่สุดที่ควรเริ่มทำกิจกรรม F และ G คือวันที่ 16 ทำการคำนวณต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งได้เวลาที่ช้าที่สุดที่จะเสร็จงานและเวลาที่ช้าที่สุดที่จะเริ่มงานโดยไม่กระทบกระเทือนเวลาเสร็จสิ้นโครงการของทุกกิจกรรม จะได้ผลดังแสดงใน ตารางคำนวณเวลาในการทำกิจกรรมของ CPM
สายงานวิกฤติ (Critical Path)
สังเกตจากตารางคำนวณเวลาในการทำกิจกรรมของ CPM จะเห็นว่าเวลาที่เร็วที่สุดที่เริ่มต้นกิจกรรมได้ (ES) จะเท่ากับเวลาที่ช้าที่สุดที่จะเริ่มต้นงานโดยไม่กระทบกระเทือนเวลาเสร็จสิ้นโครงการ (LS) และเวลาที่เร็วที่สุดที่กิจกรรมจะเสร็จ (EF) จะเท่ากับเวลาที่ช้าที่สุดที่จะเสร็จงานโดยไม่กระทบกระเทือนเวลาเสร็จสิ้นโครงการ (LF) เช่น กิจกรรม A B E G H I งานลักษณะนี้เรียกว่างานวิกฤติ ซึ่งถ้าทำงานวิกฤติล่าช้า จะส่งผลกระทบกับเวลาเสร็จสิ้นโครงการโดยตรง สายงานที่เชื่อมต่องานวิกฤติเรียกว่าสายงานวิกฤติ ในการทำงานต้องระวังไม่ให้เกิดความล่าช้าในสายงานวิกฤตินี้
จากตารางคำนวณเวลาในการทำกิจกรรมของ CPM จะเห็นว่า ต้องใช้เวลาทั้งหมด 26 วันในการทำโครงการ ฉะนั้นโรงงานเฟอร์นิเจอร์สามารถประมูลรับงานได้
ข้อพิจารณาในการปรับใช้
การทำ CPM ให้ได้ผลดีและถูกต้อง ควรเป็นการระดมความคิดจากผู้ที่มีส่วนในกิจกรรมของโครงการทั้งหมด ซึ่งอาจมาจากหลายหน่วยงานในองค์กร เพื่อให้ทราบข้อจำกัด และความเป็นไปได้ในการปรับเปลี่ยนช่วงเวลาในการทำกิจกรรม ผู้มีส่วนในกิจกรรมของโครงการควรทำงานร่วมกัน โดยเริ่มจากการเขียนเครือข่ายแสดงความสัมพันธ์ของกิจกรรม จนกระทั่งได้สายงานวิกฤติ ทั้งนี้อาจมีการปรับเปลี่ยนเครือข่ายแสดงความสัมพันธ์ของกิจกรรม และการคำนวณสายงานวิกฤติเป็นระยะ เพื่อให้ได้แผนงานที่ทันสมัยอยู่เสมอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น